[สรุปหนังสือ] China Next Normal : วิกฤตและโอกาสของจีนในโลกหลังโควิด
by อาร์ม ตั้งนิรันดร
“การระบาดของ COVID-19 เป็นเสมือนสงครามที่เปลี่ยนดุลอำนาจโลก”
ท่ามกลางศึกสงครามภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองขั้วอำนาจโลกอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน วิกฤตระลอกใหม่อย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามข้ามชายแดนทวีปอย่างรวดเร็วนั้นได้เร่งผลักดันให้โลกของเราตกอยู่ใน “ความโกลาหล” ครั้งใหญ่
“บุญเก่า” สามประการที่เป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจของจีนให้ก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็วในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้นกำลังเหือดแห้งลง
China Next Normal คือ หนังสือเล่มที่ 3 ของอาจารย์ “อาร์ม ตั้งนิรันดร” ที่นำเสนอ “วิกฤติ” และ “โอกาส” ของประเทศจีนในยุค “ความปกติครั้งถัดไป (next normal)” ที่จีนและประธานธิบดี “สีจิ้นผิง” ต้องเริ่มสร้าง “แต้มบุญครั้งใหม่” ทั้งการปลดปล่อยพลังการบริโภคภายในประเทศและการสร้างขุมกำลังทางเทคโนโลยีแบบ 5.0 เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวท่ามกลางสงครามการชิงดุลอำนาจของโลกกับคู่ปรับสำคัญอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา
ขอเชิญผู้ที่สนใจเรื่องราวของประเทศจีนและภูมิรัฐศาสตร์โลกอ่านสรุปหนังสือ China Next Normal ที่ผมคัดมาเฉพาะบางส่วนได้เลยครับ !!
วิกฤตอู่ฮั่นคือคันฉ่องส่องสังคมจีน
วันที่ 23 มกราคม 2020 คือ “วันแห่งประวัติศาสตร์” ที่เปลี่ยนแปลงประเทศจีนไปอย่างมีนัยสำคัญไม่ต่างกับเหตุการณ์ 9/11 ของสหรัฐอเมริกา เมื่อรัฐบาลจีนได้ประกาศสั่งปิด “อู่ฮั่น” เมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 10 ล้านคนเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ 2019 หรือ “COVID-19” ที่เริ่มควบคุมไม่อยู่หลังจากที่ข่าวคราวการแพร่ระบาดถูกปกปิดเป็นระยะเวลานานทั้งจากปัญหาความเข้าใจในโรคที่ยังน้อยและการรอคอยการอนุมัติจากรัฐบาลกลางที่เห็นว่าการแพร่ระบาดอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง [จนต่อมา รัฐบาลจีนก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากโลกตะวันตก]
แต่แล้ว เมื่อรัฐบาลกลางตัดสินใจใช้ “ยาแรง” ในการต่อกรกับโรคระบาดสายพันธุ์นี้ ทั้ง การปิดเมืองขนาดใหญ่อย่างเด็ดขาด การสร้างโรงพยาบาลสนามที่เสร็จภายในไม่กี่วัน การตรวจเชื้ออย่างกว้างขวางและการระดมแพทย์จากทั้งประเทศมาที่อู่ฮั่น จนท้ายที่สุด รัฐบาลจีนก็สามารถควบคุมโรคได้ภายในช่วงเดือนมีนาคมและทำให้ประเทศจีนหลุดพ้นจากภาวะการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นประเทศแรกๆ
ความล้มเหลวในการหยุดยั้งเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงเริ่มต้นและความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาดอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมานั้นแสดงให้เห็นถึง “ลักษณะเด่น” ของสังคมจีนยุคปัจจุบัน 4 ประการ ได้แก่
ทีมแพทย์ที่ถูกส่งมาปฏิบัติการที่เมืองอู่ฮั่น (ขอบคุณภาพจาก China Daily)
อย่าให้โควิดสูญเปล่า
เมื่อฤดูหนาวอันหนาวเหน็บอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้มาเยือน พ่อค้าม้าสามคนต้องเผชิญกับภาวะการขาดแคลนม้าอย่างหนัก พ่อค้าม้าคนแรกคิดว่าภาวะการขาดแคลนม้าจะอยู่อย่างถาวรและตัดสินใจหวนกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำนา พ่อค้าม้าคนที่สองดึงดันที่จะคงอาชีพการค้าม้าอยู่จึงทุ่มเทเดินทางไปยังเมืองต่างๆเพื่อหาม้ามาขายให้ได้ด้วยทุกวิถีทางซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ตรงกันข้าม พ่อค้าม้าคนที่สามกลับเลือกที่จะเอาเงินที่เหลืออยู่ไปลงทุนปลูกหญ้าพันธุ์ดีที่ม้าชอบกิน เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป ทุ่งหญ้าของพ่อค้าคนที่สามก็เต็มไปด้วยหญ้าพันธุ์ดีและม้าที่หวนกลับมากินหญ้าจำนวนมาก
นิทานโบราณของจีนเรื่อง “พ่อค้าม้าในฤดูหนาว” สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการไขว่คว้า “โอกาส” จาก “วิกฤต COVID-19” ของประเทศจีนได้เป็นอย่างดีผ่านการผลักดันเชิงนโยบายทั้งหมด 3 ประการของรัฐบาลจีน
ประธานธิบดีสีจิ้นผิงและนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง (ขอบคุณภาพจาก Wallstreet Journal)
ธุรกิจจีนรับมือกับโควิดอย่างไร ?
เมื่อธุรกิจจีนเริ่มรับรู้ว่าวิกฤต COVID-19 นั้นไม่ใช่หนังสั้นที่เจ็บแต่จบแต่กลับเป็น “หนังม้วนยาว” ที่ท้าทายต่อความอยู่รอด ภาคธุรกิจของจีนที่ได้รับการยอมรับถึงความยืดหยุ่นและทักษะการปรับตัวอันยอดเยี่ยมจึงเริ่มมีไอเดียทางธุรกิจที่น่าสนใจมากมายที่ภาคธุรกิจของไทยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อได้ อาทิ
เจ้าของแบรนด์ Lin Qingxuan ไลฟ์ขายของใน T-Mall (ขอบคุณภาพจาก Hotsaucedrops)
พื้นบุญและบุญใหม่ของจีน
จากเดิมที่เศรษฐกิจจีนเคยเติบโตถึงปีละ 8-10 เปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องกว่า 30 ปี ในช่วง 3-4 ปีก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 นั้น เศรษฐกิจจีนมีอัตราการเติบโตที่ลดลงมาสู่ระดับเพียงแค่ปีละ 5-6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น [ซึ่งตัวเลขที่น้อยลงนี้ก็ยังถือเป็นตัวเลขที่มีขนาดใหญ่มากอยู่ดีเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ยักษ์ของจีน เฉพาะส่วนของการเติบโตของจีนนั้นมีขนาดเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของประเทศตุรกีทั้งประเทศเลยทีเดียว !!]
ถึงแม้ว่า “บุญเก่า” ของจีนกำลังเริ่มหมดลง แต่จีนก็ยังมีวาสนาสำคัญอยู่สองประการ ได้แก่ ตลาดขนาดใหญ่ของจำนวนประชากรจีนกว่า 1,400 ล้านคน และ ปริมาณบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวนมาก [ถึงแม้ว่าคนที่เก่งระดับโลกส่วนใหญ่จะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา แต่คนเก่งในระดับกลางที่สามารถทำงานได้นั้นอยู่ในประเทศจีนมากที่สุด]
กุญแจสำคัญของจีนในการสร้าง “บุญใหม่” คือ “การยกระดับเทคโนโลยีสู่ยุค 5.0” ที่เป็นยุคของเศรษฐกิจแบบ digital ที่รัฐบาลจีนก็กำลังผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญแห่งยุค อย่าง 5G, A.I., Internet of Things (IoT), ระบบ cloud และรถยนต์ไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการสร้างแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน 5G ของ Huawei ไปจนถึงแพลตฟอร์มในโลกอินเตอร์เน็ตอย่าง social media และ e-commerce
หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการผลักดันยุทธศาสตร์การเติบโตแบบ 5.0 ก็คือ การเปิดตัวโรงงานผลิตรถยนต์ Tesla ที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในโลกที่มหานครเซี่ยงไฮ้ในช่วงต้นปี 2020 ที่รัฐบาลจีนได้วางเป็น “ยุทธศาสตร์สำคัญ” ในการ “จุติห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า” ในจีน [ไม่แตกต่างจากช่วงสิบปีก่อนที่จีนน้อมเอาโรงงานผลิต iPhone มาเป็นตัวจุดประกายให้เกิดห่วงโซ่อุปทานการผลิตชิ้นส่วนของสมาร์ตโฟน อาทิ หน้าจอ แบตเตอรี่และชิปประมวลผล จนนำมาสู่แบรนด์สมาร์ตโฟนสัญชาติจีนมากมาย อาทิ Huawei, Xiaomi, Vivo และ Oppo] โดย Tesla ได้ทำการสัญญาว่าจะเลือกใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศแบบ 100% ภายในสิ้นปี 2020
อีกหนึ่งกรณีศึกษาของการสร้างแพลตฟอร์มที่น่าสนใจของจีนก็คือ “Pinduoduo” แพลตฟอร์ม social commerce ที่พุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้บริโภคระดับรากหญ้าตามเมืองขนาดเล็กของประเทศจีนด้วยการชูจุดเด่นการซื้อขายสินค้าร่วมกันกับเพื่อนใน social network ต่างๆ เช่น WeChat โดยหากผู้ซื้อสามารถระดมกลุ่มเพื่อนมาซื้อสินค้าได้จำนวนมาก พวกเขาก็จะสามารถซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่าท้องตลอดได้ ส่วน Pinduoduo ก็ได้การโปรโมตใน social network แบบฟรีๆื แถมยังแก้ปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของสินค้าจีนด้วยการบอกต่อแบบปากต่อปากจากเพื่อนสู่เพื่อน จน Pinduoduo สามารถสร้างยอดขายขึ้นมาแซงหน้า e-commerce อันดับ 2 อย่าง JD.com ได้สำเร็จและยังตอบโจทย์การเร่งเครื่องการบริโภคของจีนได้อย่างยอดเยี่ยม
Elon Musk ในงานเปิดตัว Giga Factory ของ Tesla ในประเทศจีน (ขอบคุณภาพจาก Quartz)
หมากล้อมของจีน
การแข่งขันแย่งชิงอำนาจของประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาในยุค Next Normal นั้นเปรียบได้กับปรัชญา “หยิน-หยาง” ที่เป็นสมดุลระหว่างสองขั้วพลังที่มีทั้งพลังแห่ง “ความร่วมมือ” ในด้านเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกันอย่างแนบแน่นในหลายภาคส่วนที่ไม่มีการขัดแย้งกันของทั้งสองประเทศและพลังแห่ง “การแข่งขัน” ที่เริ่มนำมาสู่การแตกแยก (decoupling) ของห่วงโซ่อุปทานในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยี ที่สหรัฐเริ่มกีดกันบริษัทจีนอย่าง Huawei และ TikTok ออกจากประเทศ
อาจารย์อาร์มได้เปรียบเทียบยุทธศาสตร์การแข่งขันของอเมริกาและจีนได้อย่างน่าสนใจ โดยเลือกเปรียบกลยุทธ์ของสหรัฐอเมริกาว่าเป็นเหมือน “การเล่นหมากรุก” ที่มีเป้าหมายในการโจมตีหมากคิง [ที่ตอนนี้คือการส่งออกของจีน] ให้แตกพ่าย ขณะที่ จีนกลับเลือกเล่นเกม “หมากล้อม” หรือ “โกะ” ที่เป็นการแข่งขันแบบกินพื้นที่ในระยะยาวที่หมากทุกตัวในกระดานมีความสำคัญและเชื่อมโยงเพื่อนำไปสู่ชัยชนะในช่วงท้ายเกม
ตอนนี้ ประเทศจีนได้วางหมากที่สำคัญเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ, การเชื่อมต่อเมืองขนาดใหญ่, การพัฒนาเทคโนโลยี 5G, การพัฒนาห่วงโซ่อุปทานรถยนต์ไฟฟ้า, การพัฒนาโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road), การรุกในทะเลจีนใต้และการผลักดันนโยบายจีนเดียวในฮ่องกงและไต้หวัน ซึ่งหาก สหรัฐอเมริกามองไม่เห็นความเชื่อมโยงของหมากทั้งหมดของจีนนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่จะเพลี่ยงพล้ำในอนาคต
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือ “ไทยและ ASEAN” เองก็คือหมากสำคัญตัวหนึ่งที่จีนกำลังพยายามยึดครองอยู่ ว่าแต่ ตอนนี้ประเทศไทยรู้ตัวเองหรือยังว่าเรากำลังเป็นหมากตัวหนึ่งอยู่… และเราควรจะต้องวางยุทธศาสตร์อย่างไรเพื่อสร้างผลประโยชน์ที่มากที่สุดจากสองยักษ์ของโลกในศึกครั้งนี้ ?!?
Xi Jinping และ Joe Biden ว่าที่ประธานธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ถ่ายในการพบกันเมื่อปี 2013 (ขอบคุณภาพจาก NBC)
<<< ติดตาม [สรุปหนังสือ] เล่มอื่นๆต่อได้ทางนี้เลยครับ [CLICK] >>>
<<< ที่สำคัญ อย่าลืมกดไลค์ Panasm’s Facebook Page เพื่อติดตามอัพเดทใหม่ๆของผมนะครับ [CLICK] >>>
<<< ปิดท้าย สิ่งที่ผมทำสรุปมานั้นเป็นเพียงแค่เนื้อหาส่วนที่ผมสนใจที่สุดของหนังสือเล่มนี้ สำหรับเพื่อนๆที่ถูกใจสรุปของหนังสือเล่มนี้ อย่าลืมซื้อหนังสือเล่มเต็มและอุดหนุนผู้เขียนกันด้วยนะครับ ขอบคุณที่ติดตามครับผม >>>
ประเภทอาหาร: Western Comfort Food คะแนนรีวิว: ★★★★ [...]
ประเภทอาหาร: Modern French คะแนนรีวิว: ★★★★★ [...]
by Yuval Noah Harari [...]
ประเภทอาหาร: Modern European with Asian Accents คะแนนรีวิว: ★★★★★ [...]
ประเภทอาหาร: Thai Seafood คะแนนรีวิว: ★★★ [...]
ประเภทอาหาร: Authentic Thai คะแนนรีวิว: ★★★★★ [...]