
รีวิว: Coda
ประเภทอาหาร: Contemporary Thai
รางวัล: 1 Michelin Star (ปี 2025)
Coda คือ ร้านอาหารรูปแบบ fine dining โดยฝีมือของ “เชฟแท็ป” อดีตเชฟประจำร้าน Adhoc ที่นำเสนอเมนูอาหารไทยแบบร่วมสมัยในรูปแบบคอร์ส (3,450++ THB) ที่แต่ละจานล้วนมีคอนเส็ปต์ในการแปลงโฉมอาหารไทยที่ทุกคนรู้จัก อาทิ ต้มยำโป๊ะแตก ส้มตำไก่ย่าง แกงส้มแป๊ะซะและอีกมากมาย ให้ออกมาในรูปแบบใหม่ด้วยเทคนิคแบบสมัยใหม่โดยที่ยังคงรสชาติจัดจ้านแบบไทยๆไว้แบบดั้งเดิมซึ่งเมนูก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกๆ 3 เดือน โดยล่าสุด Coda ก็ได้กลายมาเป็นดาวดวงใหม่ของกรุงเทพจากความสำเร็จในการคว้ารางวัลดาวมิชลินสตาร์ 1 ดวงประจำปี 2025 ได้สำเร็จแบบสดๆร้อนๆ
[รีวิว] โดยรวมแล้ว Coda นั้นถือเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไทยแนว fine dining ที่เชื่อใจได้เลยว่าไปแต่ละครั้งจะต้องอร่อยถูกปากและตื่นเต้นไปกับความสร้างสรรค์อาหารไทยและเอเชียออกมาในรูปแบบใหม่ๆของเชฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนตัวก็แอบเชียร์ให้ Coda ได้ดาวจนได้มาในที่สุดจนต้องรีบไปทานก่อนที่จะจองยากกว่านี้เลยครับ ทีเด็ดของเมนูในรอบนี้ก็คือต้มยำโป๊ะแตกหอยเชลล์ที่อร่อยมากๆและส้มตำไก่ย่างที่ไอเดียกระฉูดมากๆ ส่วนอีกองค์ประกอบที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Coda ที่ผมชอบมากๆเลยก็คือการแถมข้าวต้มเป็ดให้ทานจนอิ่มซึ่งน่ารักดีครับ
Panasm’s rating : ★★★★★★
value for money : $$$$$
1st course : Curry Puff, Iberico, Potato, Curry [16/20] – “กะหรี่ปั๊บ“ รูปแบบทาร์ตแป้งกรอบสอดไส้หมู Iberico และมันฝรั่งคลุกเคล้ากับผงกะหรี่
2nd course : Tiger Prawn, Coriander, Lemongrass [17/20] – ”ยำใหญ่กุ้งลายเสือ“ ในรูปแบบโรลแป้งกรอบไส้เนื้อกุ้งย่างและน้ำยำตกแต่งอย่างสวยงาม
3rd course : Massaman, Walnut, Kiffir Lime, Keluga Caviar [16/20] – “แกงมัสมั่น” ผสมถั่ววอลนัทวางบนแป้งถ่านสีดำเคลือบด้วยไข่ปลาคาเวียร์แบบรอบทิศทาง
4th course : Mizu Scallop, Mountain Rice, Galangal, Chips [18/20] – “ต้มยำโป๊ะแตก” เบสซุปปลาแห้งและหอยตลับแบบญี่ปุ่นเสิร์ฟคู่กับหอยเชลล์ย่างหั่นเต๋า ลูกชิ้นหอยเชลล์และข้าวดอยจี่เนื้อหนึบ
Extra course : Curry Crab Chawanmushi, Organic Eggs, Quinoa, Curry Leaves, Caviar (add-on 600++ THB) [16/20] – “ไข่ตุ๋นกะหรี่ปู” สูตรซิกเนเจอร์ของ Coda ที่เสิร์ฟไข่ตุ๋นเนื้อละมุนคู่กับซอสกะหรี่ คีนัวร์กรอบ ใบเคอร์รีลีฟทอด เนื้อปูและไข่ปลาคาเวียร์
House Bread [16/20] – ขนมปังอบใหม่เนื้อกรอบนอกนุ่มในสอดไส้ซุปข้าวโพดรสหวานหอม
5th course : Drunken Noodle, Cuttlefish, Squid Ink, Yellow Chili [16/20] – “ก๋วยเตี๋ยวขี้เมา” ที่ใช้เส้นทำจากปลาหมึกกระดองเนื้อหนึบหนับคลุกเคล้ากับซอสขี้เมาหมึกดำเสิร์ฟคู่กับซอสปลาหมึกย่าง
Extra course : Szechuan Cold Pasta, Szechuan Peppercorn, Apple, Kaffir Lime, Akami (add-on 380++ THB) [17/20] – “พาสต้าพริกเสฉวน” ที่เป็นอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของ Coda ที่เสิร์ฟเส้นคาเปลลินีเย็นๆคลุกเคล้ากับพริกเสฉวนพร้อมด้วยซาชิมิเนื้อปลาทูนส่วนเนื้อแดง
6th course : Somtum, Amaebi, Papaya, Carrot [17/20] – “ส้มตำไก่ย่าง” สูตรปรับโฉมใหม่ที่เสิร์ฟแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ปีกไก่เลาะกระดูกย่างซอสห่อเป็นม้วนไส้ข้าวเหนียวและส้มตำสุดสร้างสรรค์ที่ประกอบไปด้วยกุ้งอามะเอบิสะดุ้งน้ำร้อน แครอทกรอบ เอสพูม่าครีมถั่วลิสงและซอร์เบต์มะเขือเทศน้ำส้มตำ
7th course : Amadai, Tamarind, Coconut Shoot, Carrot [16/20] – “แกงส้มแป๊ะซะ“ ที่เสิร์ฟเนื้อปลาอะมาไดเนื้อขาวละมุนหนังกรอบพร้อมกับน้ำแกงแกงส้ม โฟมพริกแกงส้ม ยอดมะพร้าวและแครอททอด
8th course : Duck, Five Spice, Morrel, Black Garlic [16/20] – “เป็ดพะโล้“ ที่ใช้อกเป็ดระยองมาทำการย่างกระทะและอบน้ำผึ้งที่หนังกรอบแต่เนื้อฉ่ำเสิร์ฟคู่กับเห็ดมอเรลผัดสามเกลอ พิวรีเห็ดพอร์ชินี ลูกแพรสดพริกน้ำส้มและซอสพะโล้
9th course : Fruits, Red Guava, Ume, Lemon [16/20] – ”ฝรั่งแช่บ๊วย“ ที่ใช้ฝรั่งมาทำเป็นซอร์เบต์และเนื้อฝรั่งแช่บ๊วยเสิร์ฟคู่กับครีมและน้ำบ๊วยเค็ม
10th course : Cha Thai, Black Tea, Ceylon Tea, Brown Sugar [17/20] – “ชาไทย” ในรูปแบบไอศกรีมเชอร์เบตต์และแบบเจลาโต้เสิร์ฟเป็นชั้นพร้อมด้วยแป้งข้าวเหนียวโมจิน้ำตาลทรายแดงและแป้งทาร์ตธัญพืชกรอบคู่กับซอสน้ำตาลทรายแดง
Khao Tom Ped [15/20] – “ข้าวต้มเป็ด“ แบบเรียบง่ายที่เสิร์ฟเนื้อเป็ดส่วนอกติดหนังและเลือดเป็ดในน้ำซุปข้าวต้มรสกลมกล่อมที่เติมได้จนกว่าจะอิ่มเลยครับ
Petit Fours [15/20] – เมนูขนมหวานชิ้นเล็กปิดท้ายมื้ออาหาร ได้แก่ เมอแรงค์ข้าวเหนียวเปียกลำไยและลอดช่องน้ำกะทิใบเตยในรูปแบบช็อกโกแลตบอล
ที่ตั้ง: Sindhorn Tower, 130-132 ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
เวลาเปิดให้บริการ: 18:00 – 23:30 (เปิดรอบเที่ยง 12:00 – 15:00 เฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์)
Facebook page: https://www.facebook.com/restaurantcodabangkok
เพื่อนๆสามารถติดตาม Panasm.com เพิ่มเติมได้ที่ Facebook, Instagram และ Twitter
(ผมเคยมีผลงานรีวิวในเว็ปบอร์ดของ Pantip และ Wongnai)
Leave a Reply