Gaa : ร้านอาหารอินเดียแบบสมัยใหม่ที่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศจากไทยและญี่ปุ่น @ สุขุมวิท 53

รีวิว: Gaa

ประเภทอาหาร: Modern Indian

รางวัล: 1 Michelin Star (ปี 2023)

Gaa คือ ร้านอาหารอินเดียแนว modern รูปแบบ fine dining ระดับ 1 ดาวมิชลินสตาร์โดยฝีมือของเชฟ Garima Arora เชฟหญิงชาวอินเดียคนแรกที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์และยังติดอันดับที่ 81 ของ Asia’s 50 Best Restaurants ผ่านเอกลักษณ์ในการนำเสนอเมนูอาหารอินเดียรสชาติต้นตำรับในรูปแบบประยุกต์ที่ผสมผสานวัตถุดิบชั้นเลิศจากทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นเข้ากับกรรมวิธีการนำเสนอที่สร้างสรรค์ในรูปแบบ tasting menu (4,700++ THB) รวม 13 คอร์ส ภายใต้บรรยากาศร้านแบบบ้านทรงไทยที่สวยงามและมีเสน่ห์

[รีวิว] โดยรวมแล้ว Gaa ถือเป็นอีกหนึ่ง A Must ของร้านอาหารในประเทศไทยที่เหล่า foodie ต้อง “ห้ามพลาด” ซึ่งผมขอยกให้เป็น Top 5 ร้านอาหารที่ชอบที่สุดในกรุงเทพไปเลย !! จากความโดดเด่นของเมนูอาหารที่ทั้งอร่อย สร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองที่ไม่ว่าจะมาทานกี่ครั้งก็ตื่นเต้นเสมอในการได้ลองชิมอะไรใหม่ๆครับ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากวัตถุดิบสุดหรูอย่างไข่หอยเม่นและวากิว A5 ที่ยังไงก็อร่อยฟินแน่ๆ เมนูที่ใช้วัตถุดิบธรรมดาๆเป็นพระเอกอย่างข้าวโพดอ่อนหรือข้าวจากจังหวัดสุรินทร์ที่ทำออกมาได้อร่อยอย่างน่าทึ่งไม่แพ้กัน ไปจนถึง การใช้วัตถุดิบสุดเซอร์ไพรส์อย่างสมองแกะและทุเรียนหมอนทองที่ก็อร่อยแบบเซอร์ไพรส์จริงๆ แนะนำให้เพื่อนๆทุกคนต้องห้ามพลาด !!

Panasm’s rating : ★★★★★★★

value for money : $$$$$

2nd course : Street Snacks | Paniyaram | Chili Toast | Bombay Sandwich [18/20] – เมนู street food แบบคำเล็ก 3 รายการ ได้แก่ เค้กแป้งข้าวหมักไส้เห็ดหน้าถั่วเขียวหน้าตาคล้ายทาโกยากิ โทสต์หน้าน้ำพริกผักดองกับไข่หอยเม่นและแซนด์วิชชีสอินเดียทอดแบบบอมเบย์ปรุงรสเผ็ดเปรี้ยว

3rd course : Thanda | The Quintessential Palate Cleanser [15/20] – เมนูเครื่องดื่มสมุนไพรหอมๆสำหรับล้างปากที่ประกอบไปด้วยผักชี มิ้นต์และมะนาว

4th course : Bhutta | Young Corn | Black Salt & Lime | Corn Butter [17/20] – ข้าวโพดอ่อนย่างแบบเนื้อกรอบนุ่มกำลังดีปรุงรสด้วยเกลือและมะนาวเสิร์ฟคู่กับซอสเนยข้าวโพด ถือเป็นเมนูที่ดูง่ายๆแต่อร่อยจนน่าแปลกใจ

5th course : DIY Bhel | Tuna | Somsa Chili | Khakra [18/20] – ยำแบบอินเดียที่ใช้ชูโทโร่ซาชิมิพร้อมด้วยผักชีต้นหอม ซอสข้าวโพดและน้ำยำพริกส้มซ่า เสิร์ฟคู่กับแป้งกรอบที่สามารถทำเป็นทาโก้ทานได้ตามใจชอบ

6th course : Pork Belly [16/20] – หมูสามชั้นแบบ slow cook นาน 24 ชั่วโมงเคลือบด้วยซอสมะขามเสิร์ฟคู่กับทับทิม หอมแดงและก้านผักชีซอย

7th course : Keema Pav | Minced Lamb Bread | Pickles & Condiments [16/20] – ขนมปังไส้แกงกะหรี่แกะเสิร์ฟคู่กับสมองแกะบดพร้อมด้วยมะละกอดอง แตงกวาเอง มันทอดและซอสพริก วิธีการทานคือหั่นครึ่งตัวขนมปังแล้วเอาองค์ประกอบต่างๆมาใส่ตรงกลางกินแบบเบอร์เกอร์

8th course : A Cold Curry | Blue Swimmer Crab | Green Apple Ice | Crispy Okra [16/20] – แกงกะหรี่ใบ curry leaf แบบเย็นทานคู่กับเนื้อปูม้า กรานิต้าแอปเปิ้ล ข้าวบาร์เลย์และกระเจี๊ยบเขียวกรอบ

9th course : Rice & Cola | Ghee Rice | Pickled Mustard | Fizzy Tamarind [17/20] – ข้าวน้ำนมจากจังหวัดสุรินทร์ผัดคู่กับมัสตาร์ดและผักดองเสิร์ฟคู่กับน้ำมะขามโคล่าแบบอินเดีย ตัวข้าวมีความ al dente สุดๆเคี้ยวเพลินมาก

10th course : Beef Kebab | A5 Wagyu Beef | Thai Garam Masala | Smoked Tofu | Caramelized Whey [16/20] – เคบับเนื้อวากิว A5 เคลือบด้วยมะแขว่นมาซาล่ากับซอสเต้าหู้รมควันและเวย์

11th course : The Tandoori Story | Durian | Roselle Saag | Bread | Pickles [16/20] – แกงทุเรียนหมอนทองหน้าซอสพริกและโยเกิร์ตชิคพีย์เสิร์ฟคู่กับชัทนีย์มิ้นต์ ผักดอง ผักสมุนไพรบด ผักทอดกรอบและโรตี

12th course : Mango & Yogurt [16/20] – น้ำแข็งไสโยเกิร์ตกับมะยงชิดพร้อมด้วยสปอนจ์เค้กนม ข้าวพองกรอบและซอสน้ำมะยงชิดกับกูสเบอร์รี

13th course : The Appe Sundae Spread | Sweet Paniyaram | Banana and Barley Caramel | Homemade Butter | Condiments [16/20] – เค้กข้าวแบบหวานอบร้อนๆเสิร์ฟคู่กับน้ำกล้วยไข่และเครื่องเคียงอีก 6 ชนิด ได้แก่ มะพร้าวคั่ว สมุนไพรกันพาวเดอร์ แยม ครีมเนย คาราเมลและกล้วยไข่